ให้นักศึกษาทำข้อสอบต่อไปนี้ ลงในบล็อกของนักศึกษา 20 คะแนน
1. การศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ตอบ ยุคนี้การจัดการศึกษายังไม่มีระบบและแบบแผน คือ ไม่มีระบบโรงเรียน และชั้นเรียน วัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนให้ความรู้ เพียงเพื่อประกอบอาชีพ วิชาความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดไม่มีการจดบันทึกไว้ จะใช้ความสามารถในการท่องจำมากกว่า
ผู้ชายนิยมบวชเรียน ส่วนผู้หญิงนิยมเรียนเย็บปักถักร้อย สถานที่เรียนมี 4 สถานที่ คือ
1).บ้าน บิดามารมีหน้าที่บ่มเพาะบุตรหลานเป็นบุคคลที่ดี
2). วัด ป็นสถานที่ที่ศึกษาสำหรับผู้ชายเป็นพระเพื่อศึกษาพระไตรปิฏก จริยธรรม คุณธรรม ส่วนผู้หญิงจะเรียนที่หอเรือน ศึกษาเกี่ยวกับฝึกความเป็นกุลสตรี การเย็บปักถักร้อย เพื่อจะเป็นภรรยาที่ดีของสามี
3). สำนักราชบัณฑิต สำหรับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ศึกษาวิชาชีพที่สูงขึ้นมา 4). วัง ศึกษาเกี่ยวกับยุทธหัตถี การปกครองบ้านเมือง
2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ เหมือนกัน เพราะยังมีการใช้วัดเพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา เป็นแหล่งให้ความรู้ และยังมีพระภิกษุเป็นผู้ให้ความรู้ ผู้ชายจะเรียนที่วัดเกี่ยวกับ การอ่าน การเขียน การรบ โดยการบวชเรียน ส่วนผู้หญิงเรียนที่บ้าน เกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย
3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
ตอบ มีการสอนวิธีรบแบบชาติตะวันตก สอนการต่อเรือ นำตำหรับยามาเผยแพร่ สอนวิชาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส การก่อสร้าง
4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ เริ่มนำวิทยาการใหม่ๆเข้ามา มีการจัดพิมพ์ตำราเรียน เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อมา
5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
ตอบ ชื่อ “ จินดามณี” เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตรงกับรัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณ พ.ศ.2199 – 2231 มีที่มาจากการที่ ฝรั่งเศสได้มาติดต่อค้าขาย เผยแพร่ศาสนาคริสต์ ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก และสอนวิชาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส ต่อเรือ การก่อสร้าง พระองค์เกรงว่าคน ไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่ง ทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดี แตงหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็น ของตนเอง ชื่อ “จินดามณี” ใช้เริ่มอ่านจนกระทั่งหัดเรียนรู้วรรณคดีและอักษรศาสตร์ไทยชั้นสูง
6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล
ตอบ การศึกษานั้นมีสองภาคคือ ภาคการศึกษาสำหรับทวยราษฎร์ ได้แก่ ประถมศึกษา เป็นการศึกษาภาคบังคับ มีความรู้ทั้งฝ่ายสามัญศึกษาและวิสามัญศึกษา และภาคศึกษาพิเศษ เรียกว่ามัธยมศึกษา เรียนทั้งสามัญและวิสามัญ ไม่บังคับให้เรียนทุกคน
7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัดเหมือนสมัยอยุธยา ซึ่งการจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษา มีอยู่ 8 มาติกา คือ
1 ตำบลที่เล่าเรียนคือที่ตั้งของวัด
2 โรงเรียนคือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์
3 นักเรียนและครู มี 3 ประเภทคือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
4 เวลาเรียนคือ ตอนพระว่าง
5 เครื่องเล่าเรียนคือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายเป็นต้น
6 วิชาหนังสือคือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
7 วิชาเลขคือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
8 ข้อบังคับการเรียนคือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย
8.การศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ สมัยรัชกาลที่ 5 เพราะ จะได้ทัดเทียมประเทศอื่นเพื่อที่จะไม่ล้าหลัง และเป็นการป้องกันการล่าอาณานิคมจากชาติตะวันตก
9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ เห็นด้วย เพราะ ปัจจุบัน มีสื่อต่างๆและเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ทำให้ง่ายและเอื้ออำนวยความสะดวกในการศึกษาค้นคว้า เป็นการเสริมสร้างความรู้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์ และการนำไปใช้ให้ได้ถูกทางตามความเหมาะสม
10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาสู่ยุคสมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอะไรบ้าง
ตอบ มียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน พัฒนาศักยภาพของนักการศึกษา ครู และ บุคลากรทางการศึกษา เพิ่มคุณภาพการศึกษา การจัดมาตรฐานการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพครู จัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อพัฒนา การศึกษา สนับสนุนการศึกษาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น